“ด้วงกว่าง” แมลงยอดนักสู้
แห่งดินแดนล้านนา
เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงกลางๆของฤดูฝนแบบนี้
ทางภาคเหนือก็จะเป็นช่วงที่ลำไยกำลังสุกได้ที่พอดีนะครับ
ซึ่งเป็นฤดูที่เก็บเกี่ยวลำไยกัน และเมื่อฝนตก ทำให้ดินอ่อนตัว
ก็จะทำให้แมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง สามารถที่จะมุดดินออกมาได้ ซึ่งทางภาคเหนือเราเรียกกันว่า
ด้วงกว่างครับ หรือบางที่อาจจะเรียกกว่างเฉยๆครับ ซึ่งเมื่อด้วงกว่างออกแล้ว
คนจะจับเอามาชนกันครับ ถือเป็นประเภณีที่สืบทอดยาวนานมาตั้งแต่สมัยโบราณเลยนะครับ
ซึ่งสมัยนี้ดูเหมือนการละเล่นแบบนี้ จะถูกลบเลือนไปตามกาลเวลาแล้วครับ
ด้วงกว่างคืออะไร ?
เมื่อพูดถึง “ด้วงกว่าง”
เชื่อว่าคนสมัยใหม่นี้
ไม่ค่อยจะรู้จักกัน เพราะความนิยมในการเล่นกว่างนั้น เริ่มลดน้อยลงไปทุกที
“ด้วงกว่าง”
เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง
ที่จะมีวงจรชีวิตเจริญวัยอย่างเต็มที่ในช่วงฤดูฝนครับ
มันจะมุดออกจากดินมาในช่วงกลางฤดูฝน ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผลไม้ป่า
กำลังสุกเต็มที่พอดี กว่างตัวผู้จะมีเขางอกออกมาตรงหน้าผากครับ
และด้านล่างก็มีอีกเขาหนึ่ง มันจึงหนีบกันได้ยังไงหล่ะครับ ส่วนด้วงกว่างตัวเมียจะไม่มีเขา
ลักษณะจะเหมือนแมลงกุ๊ดจี่มาก กว่างจะมีเสียงร้องดัง ซี่ ซี่ ซี่ แบบนี้อ่ะครับ
และเวลาที่มันเกาะมือเรา ขามันที่เป็นหนามแหลมคมก็จะเกี่ยวมือเรา จนเป็นแผลเล็กๆเลยครับ
ด้วงกว่างยังแบ่งออกเป็นชนิดย่อยดังนี้
1.กว่างโซ้ง คือ ด้วงกว่างที่มีเขายาว ลักษณะสมส่วน
ถ้าเป็นคนก็คือคนหล่อนั่นแหล่ะครับ ดูดีมีสง่า
ส่วนมากเค้าจะประกวดความสวยงามกันครับ
2.กว่างแซม คือ ด้วงกว่างที่มีเขายาวสมส่วนเหมือนกัน
แต่จะมีลำตัวเล็กกว่ากว่างโซ้ง เหมือนเป็นน้องชายของกว่างโซ้งครับ เวลาชนจะคล่องแคล่ว
ปราดเปรียวมากๆครับ
3.กว่างกิดง คือ ด้วงกว่างที่มีลำตัวใหญ่มาก ตัวหนาทะมึน แต่เขาสั้น เวลาชนกันนี่
จะเกิดเสียงดังกร๊วบกร๊าบเลยทีเดียว เพราะมันหนีบแรงมากๆครับ
4.กว่างกิ คือ ด้วงกว่างตัวผู้ตัวเล็กๆ เขาสั้นๆ ไม่นิยมนำมาชนกัน
เพราะมันหนีบไม่ได้ ส่วนมากจะเอามาเป็นกว่างล่อ คู่ซ้อมมากกว่าครับ
5.กว่างแม่จิ๊ลุ่ม คือ ด้วงกว่างตัวเมีย ลักษณะจะไม่มีเขาครับ
มักจะเอามาให้กว่างตัวผู้ดมให้มันคึก แล้วมันจะชนกันแย่งตัวเมียครับ
6.กว่างฮัก เป็นการเรียกกว่างทุกชนิดไม่ว่าตัวผู้หรือตัวมี
ที่มีลำตัวสีดำสนิทครับ บางที่จะเรียก กว่างฮักน้ำปู๋ครับ
เพราะมันจะมีสีดำเหมือนน้ำปู๋นั่นเอง
โดยธรรมชาติแล้วนั้น
เจ้าแมลงด้วงกว่างเนี่ย มันจะชอบกินน้ำหวานจากพืชและผลไม้ต่างๆครับ เช่นลำไย
กล้วยสุก ยอดหน่อไม้อ่อน แต่เมื่อคนเราจับเอามันมาเลี้ยงเนี่ย
มักจะเลี้ยงโดยการปอกอ้อยแล้วให้มันเกาะกินน้ำหวานจากอ้อยครับ
แต่ถ้าตัวไหนเก่งๆ ชนชนะมาหลายไฟต์ เจ้าของจะเจาะช่องเล็กๆไว้ที่ท่อนอ้อย
แล้วใส่น้ำผึ้งเข้าไป ซึ่งเชื่อกันว่าด้วงกว่างจะมีพลัง ชนแล้วแรงไม่ตกครับ
ซึ่งดูแล้วเจ้าด้วงกว่างก็ชอบไม่น้อยเลย
ทางภาคเหนือมักจะเลี้ยงเอาไว้ชนกันครับ
เป็นกีฬาและนันทนาการโบราณแบบหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างหาชมได้ยาก
เพราะจะมีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เจ้าหน้าทีไม่ปลื้มซักเท่าไหร่ แต่บางจังหวัดก็มีงานประกวดกว่างประจำปีกันด้วยนะครับ
เรียกได้ว่าจัดกันเป็นเรื่องเป็นราว เป็นงานประจำฤดูกันไปเลย
เพราะหนึ่งปีมีแค่ครั้งเดียวครับ
ส่วนสถานที่ชนกว่างนั้น
เค้าจะเรียกกันว่า “บ่อนกว่าง” ครับ ผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จะมารวมตัวกันช่วงหัวค่ำ
เพื่อเอากว่างมาเปรียบเทียบขนาดตัว และชนกัน โดยจะมีการเป่าแตรเขาควาย
เป็นสัญญาณว่า บ่อนกว่างเปิดแล้ว มากันได้แล้วนั่นเอง เมื่อเปรียบขนาดตัว
ดูจากสายตาเซียนหลายๆคนว่าตัวเท่ากัน ไม่มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบกันแล้ว
ก็จะถึงเวลาที่กว่างทั้งสองตัว จะได้ชนกันแล้วครับ
ที่ชนกว่างนั้น มีชื่อเรียกว่า “กอนกว่าง”ครับ
เป็นท่อนไม้งิ้วแห้ง ซึ่งมีน้ำหนักเบา เซาะร่องตรงกลางท่อนไม้
เพื่อที่จะเอากว่างตัวเมียใส่ลงไปครับ ไว้ให้กว่างตัวผู้ได้ดม
และมันจะแย่งชิงตัวเมียกันครับ และมีอุปกรณ์อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้
นั่นก็คือ “ไม้ลิ่ง” ครับ จะเป็นไม้แท่งเล็กๆ ยาวเหมือนดินสอ มีการเหลาอย่างสวยงาม
บางคนจะใส่โลหะเช่น กระป๋องที่ตัดออกมาเล็กน้อย
เอามาใส่เพื่อที่จะให้เกิดเสียงเมื่อเราปั่นนั่นเองครับ
บางที่จะใช้เขาควายทำนะครับ ดูแล้วมีค่ามาก
และสะท้อนให้เห็นว่าคนโบราณเค้าใส่ใจรายละเอียดมากขนาดไหน
เมื่อพร้อมแล้ว
เจ้าของกว่างทั้งสองฝ่าย จะเอาด้วงกว่างของตัวเอง ลงมาที่กอนกว่าง
เพื่อทำความคุ้นเคยกับสนามก่อน และให้ดมกว่างตัวเมียจนมันคึกคักซู่ซ่าครับ
จากนั้นเมื่อพร้อมแล้ว จะปล่อยให้กว่างทั้งสองฝ่าย เดินหน้าชนกันครับ
ส่วนเจ้าของกว่างจะเอาไม้ลิ่ง ปั่นอยู่ที่ปลายกลอนด้านของตัวเองครับ
เป็นการกระตุ้นให้กว่างชนกันครับ
การนับยกของการชนกว่างนั้น
เรียกกันเป็น “คาม” ครับ คามคือการที่กว่างทั้งสองตัว อ้าเขาหนีบกันอย่างเต็มที่ครับ
จะเรียกว่า 1 คาม ส่วนจะชนกันกี่คามนั้น ก็แล้วแต่จะตกลงกันครับ
แต่บางตัวที่มันเก่ง และฉลาด จะชนไม่กี่คามก็รู้ผลแล้วหล่ะครับ
เพราะมันหนีบเจ็บ ทำให้คู่ต่อสู้เดินหนีหน้า หอบเขาวิ่งไปเลยครับ
การหาด้วงกว่าง
การหาด้วงกว่างนั้น
เราสามารถหาได้ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมของทุกปีครับ
ส่วนใหญ่มันจะเกาะกินผลลำไยสุกอยู่ครับ การหาก็คือ ไปหาตอนรุ่งเช้าครับ
โดยการไปเขย่ากิ่งลำไย และเตรียมตัวส่องดูดีดี เพราะด้วงกว่างมันจะตกลงมาที่พื้นดินครับ
ที่ไม่นิยมหากันในช่วงกลางวัน ก็เพราะว่าเมื่อแดดร้อน
ด้วงกว่างจะหลบแดดเข้ามาเกาะที่กิ่งใต้ใบ ทำให้มันเกาะแน่น เขย่าไม่ค่อยร่วงครับ
ส่วนกว่างที่เกาะอยู่กับต้นไผ่นั้น
ส่วนใหญ่มันจะกินยอดไผซาง ไผรวกครับ เราจะมองเห็นแต่ไกลเลย
เพราะที่ยอดหน่อจะโดนเจาะเป็นขุยเลยครับ จะเห็นด้วงกว่างตัวสีดำหลายตัวมาก
เกาะอยู่เต็มพรึดเลยครับ เราก็แค่หาไม้มาเคาะที่โคนหน่อต้นนั้น
กว่างก็จะร่วงลงมาให้เราจับกันอย่างง่ายดาย
ส่วนอีกที่นึงนั้นก็คือ
ต้นครามครับ โดยเราจะเห็นด้วงกว่าง เกาะดูดกินน้ำเลี้ยงของต้นคราม
เป็นตัวดำๆอยู่เลยครับ ว่ากันว่า ด้วงกว่างที่ได้จากต้นครามนี่แหล่ะ
เป็นยอดนักสู้ เพราะมีความอดทนสูงมากครับ หนีบแรงด้วย
ในบางที่ใกล้ป่า
เราอาจจะพบกว่างบินมาเกาะตามไฟกิ่งข้างทางครับ ถ้าไปดูตอนเช้าๆมักจะเจอ
บางที่ที่อยู่ใกล้ป่า มันจะบินเข้ามาหาไฟถึงในบ้านเลยแหล่ะครับ
การดูแลรักษากว่าง
กว่างนั้น จะว่าไปแล้วก็เป็นแมลงที่เปราะบางครับ
เพราะหากเราทำหลุดมือ แล้วขามันหลุด ก็จะเสียกว่างทันทีครับ และการดูแลนั้น
ควรเอาไว้ในที่ลับๆหน่อย เพราะกลางคืน จะมีนกเค้า หรือว่าแมวบ้าน
มากินกว่างของเราครับ และอีกอย่าง หากกว่างตัวไหนโดนจิ้งจกจูบขา
ขากว่างตัวนั้นจะเป็นอัมพาต ใช้งานไม่ได้อีกต่อไปครับ
อ้อยกว่างก็ควรเปลี่ยนทุกๆ 3-4 วันนะครับ
เพราะว่ามันจะฉี่ใส่อ้อย ส่งกลิ่นเหม็นเปี้ยว ทำให้แมลงวันต่างๆ มาตอมอ้อยได้ครับ
เชื่อมั๊ยครับ ว่าบางทีถ้ากว่างตัวไหนสวยๆ
เค้าตั้งราคาเป็นหมื่นนะครับ แต่ผมคิดว่าไม่ควรซื้อในราคาสูงมากเท่าไหร่
เพราะด้วงกว่างเป็นแมลงที่อายุสั้น จะเลี้ยงได้นานสุด 2 เดือนเท่านั้นครับ
เพราะช่วงเข้าฤดูหนาวแล้ว กว่างมีนจะแก่ตาย แข้งขาหลุดออกหมดแหล่ะครับ
ไม่เหมือนไก่ชน ที่มีอายุหลายปี อันนั้นราคาค่อยว่ายังพอคุ้มครับ
ในปัจจุบันด้วงกว่างเริ่มมีปริมาณลดน้อยลงเต็มที
เพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ด้วงกว่างจะอยู่ในป่าที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้นนะครับ
และที่ทำให้กว่างลดน้อยลง เพราะปัจจุบันมีการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงกันเยอะนั่นเอง
ทำให้ประชากรของกว่าง ไม่ค่อยได้แพร่พันธุ์กันครับ ยังไงซะ ก็อยากให้เราคนรุ่นใหม่
ได้ร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ใกล้จะหายไปจากสังคมล้านนาของเรากันนะครับ
เพราะเกรงว่าอีกไม่นาน ลูกหลานของเราอาจจะไม่ได้เห็นด้วงกว่างกันอีกก็เป็นได้

.jpg)

.jpg)
ถ้าด้วงมันตากฝนจะเป็นไรไหมครับ
ตอบลบถ้าด้วงมันตากฝนจะเป็นไรไหมครับ
ตอบลบ